ในโลกที่ทุกคนสามารถเป็นเจ้าของธุรกิจได้ด้วยตัวเอง .... ไม่ว่าจะขายสินค้าอะไรก็สามารถสร้างรายได้ให้ได้อย่างไม่น่าเชื่อ แต่รู้หรือไม่ว่าทุกวันนี้ มีประเภทธุรกิจผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด เพราะการทำเปลี่ยนแปลงไปทุกวัน เอาเข้าจริงๆ แล้วโมเดลการทำธุรกิจมีหลากหลายประเภทมากๆ เช่น B2B2C C2C หรือ C2B เป็นต้น แต่วันนี้ Ketshopweb จะพาไปรู้จักประเภทธุรกิจที่สำคัญ ๆ อย่าง B2B และ B2C ที่เราพบเห็นกันบ่อยมาก จะเป็นอย่างไรไปดูกัน
HIGHTLIGHT
|
B2C คืออะไร ?
B2C (Business-to Customer) คือ ธุรกิจที่ขายสินค้าหรือบริการให้ผู้บริโภค หรือพูดง่ายๆ ก็คือ การขายของระหว่างเจ้าของธุรกิจกับผู้บริโภครายย่อยๆ (E-commerce) ซึ่งปัจจุบันการมีโซเชียลมีเดียช่วยให้การทำธุรกิจประเภทนี้มีความคล่องตัวและสะดวกสบายมากยิ่งขึ้นนั่นเอง เพราะไม่ต้องใช้ขั้นตอนให้ยุ่งยาก
ยกตัวอย่าง
B2B คืออะไร ?
B2B (Business-to Business) คือ การทำการค้าขายสินค้าหรือบริการระหว่างธุรกิจกับธุรกิจ เพื่อผลประโยชน์ระหว่างกัน ไม่ว่าจะเป็นทางด้านการผลิต หรือการบริการ
ยกตัวอย่าง
ความแตกต่างระหว่าง B2C และ B2B ?
1. ประเภทธุรกิจคู่ค้า
ประเภทธุรกิจแบบ B2C จะเป็นธุรกิจที่มีคู่ค้ารายเล็กหรือรายย่อย ขั้นตอนการทำธุรกิจไม่ซับซ้อนเท่าไร่ เพราะสามารถคุยกันได้ง่ายๆไ โดยตรง ส่วนการทำธุรกิจประเภท B2B จะเน้นประเภทธุรกิจที่มีขนาดใหญ่ เป็นองค์กร หรือบริษัท เป็นหลัก มูลค่าการทำธุรกิจค่อนข้างสูง และต้องใช้ความรับผิดชอบมาก
2. ระยะเวลาในการขนส่งสินค้า
เนื่องจากว่าประเภทธุรกิจทั้ง 2 อย่างมีความแตกต่างทางด้านขนาดของการผลิตสินค้า ดังนั้น ธุรกิจแบบ B2C จึงสามารถจัดส่งสินค้าได้ง่าย เพราะไม่มีความซับซ้อนทางด้านการจัดส่งใดๆ แต่อาจจะมีความคลาดเคลื่อนเรื่องเวลาได้ เลย แต่ธุรกิจประเภท B2B เป็นธุรกิจที่เน้นองค์กรขนาดใหญ่ ผลิตครั้งละมากๆ ดังนั้นระยะเวลาในการขนส่งสินค้าจึงอาจจะมีความล่าช้ามากว่าเพราะต้องทำการผลิตสินค้าและบริการอย่างยาวนาน แต่ความคลาดเคลื่อนด้านเวลาขึ้นอยู่กับริษัทต้นทางด้วยเช่นกัน
3. ความสัมพันธ์ระหว่างลูกค้า
การทำธุรกิจแบบ B2B จะเน้นความสัมพันธ์กับลูกค้ามากกว่า เนื่องจากเป็นการทำธุรกิจในระยะยาว เน้นความพึงพอใจเป็นหลัก ส่วนการทำธุรกิจแบบ B2B มักไม่ค่อยมีความสัมพันธ์กับลูกค้าเสียเท่าไร เนื่องจากว่าเป็นธุรกิจประเภทซื้อมาขายไป ไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าเสียเท่าไร่