เจ้าของธุรกิจเคยสงสัยกันบ้างหรือไม่ ว่าทำไม? เว็บไซต์ของคุณถึงไม่ติดอันดับผลการค้นหาบนเสิร์ชเอนจิ้นเสียที ทั้ง ๆ ที่ จัดหน้าตาเว็บไซต์ให้ดูดีก็แล้ว เขียนคอนเทนต์ให้ดีก็แล้ว ซึ่งสิ่งที่เหล่าธุรกิจต่าง ๆ มักหลงลืมไปคือ การกำหนดโครงสร้างการทำงานเพื่อทำ SEO วันนี้ Ketshopweb จะพาคุณไปทำความรู้จักประเภทของโครงสร้างการทำ SEO ต้องทำอย่างไรบ้าง ช่วยให้เว็บไซต์ติดอันดับหน้าแรกได้หรือไม่ ไปดูกัน
โครงสร้างการทำ SEO
1. ตั้งหัวข้อสำหรับเขียนบทความ (Headline , Title)
สิ่งแรกก่อนการเขียนเนื้อหาเพื่อทำ SEO ที่นักธุรกิจจำเป็นต้องทำเลย คือการคิดหัวข้อที่น่าสนใจ หรือไอเดียที่ต้องการเขียน ส่วนวิธีการเขียนขึ้นอยู่กับผู้เขียนว่าต้องขึ้นต้นหัวข้อด้วย ปัญหา, คำถาม, หรือ บทสรุป ก็สามารถนำมาตั้งเป็นหัวข้อได้
ตัวอย่าง
เขียน SEO อย่างไร ? ให้ฮิตติดอันดับหน้าแรก Google
5 เทคนิคเขียน SEO ให้ติดอันดับต้น ๆ บนเสิร์ชเอนจิ้น
เขียนคอนเทนต์ดี แต่ไม่ติดหน้าแรก Google ทำอย่าไรดี ?
2. เลือก Keyword ที่แมชต์กับบทความ
การเขียนบทความควรเลือกใช้ keyword ที่เราต้องการสื่อในเนื้อหานั้น เพื่อให้เว็บไซต์ติดอันดับการค้นหา เพราะปัจจุบันอัลกอลิทึมของ Google มีการอัพเดทขึ้นอย่างต่อเนื่อง และฉลาดล้ำ สามารถเรียนรู้ได้ว่าบทความที่เขียนไปนั้นมีความเกี่ยวข้องกับเว็บไซต์ของเราหรือไม่
ตัวอย่าง
SEO คืออะไร ?
SEO เพิ่มยอดขายให้ธุรกิจ
กลยุทธ์การทำ SEO
เขียนบทความเกี่ยวกับการทำ SEO ในบทความควรมีคำว่า "SEO" ในเนื้อหานั้นด้วย ยิ่งที่เยอะเท่าไร่ Google ก็สามารถช่วยให้เนื้อหาในบทความและเว็บไซต์เราติดอันดับต้น ๆ บนเสิร์ชเอนจิ้นได้ง่ายมากขึ้น
3. เขียนคำอธิบายเนื้อหา (Meta Description)
Meta Description คือ เนื้อหาภายในบทความแบบคร่าวๆ ใคร ทำอะไร ที่ไหน อย่างไร โดยเนื้อหาส่วนนี้เป็นส่วนที่ไว้ใช้ดึงดูดคนอ่าน และเพิ่มความน่าสนใจให้แก่บทความ ซึ่งจะอยู่ส่วนล่างต่อจากหัวข้อบทความนั่นเอง
4.ส่วนเนื้อหา (Content)
ถือเป็นส่วนที่สำคัญที่สุดเปรียบเสมือนหัวใจของการทำบทความ SEO ซึ่งบทความที่ดีและมีผลต่อการติด SEO ควรเขียนอย่างน้อย 500 คำขึ้นไป มีหลักการเขียนด้วยกันหลักๆ ได้แก่
H1 = หัวข้อที่ใหญ่ที่สุดและสำคัญที่สุด และอธิบายถึงความสนใจของบทความ
H2 = เป็นส่วนขยายและเป็นหัวข้อย่อยของรองจากหัวข้อใหญ่ โดยจะแบ่งเป็นข้อย่อยๆ
H3 = เป็นส่วนย่อยของ H2 อีกที
H4 = อื่นๆ เป็นส่วนสนับสนุนบทความเช่น ข้อมูลอ้างอิง หรืองานวิจัยที่เกี่ยวข้อง เป็นต้น
H5 = บทสรุปของบทความนี้
หลักการเขียน สามารถเขียนได้หลากหลายรูปแบบ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเนื้อหาของบทความอาจจะมีแค่ 3 ย่อหน้า หรือย่อหน้าเดียว ก็สามารถทำได้
5. เพิ่มแฮชแท็กช่วยเพิ่มการค้นหา (Meta Tag)
Meta Tag คือ ข้อความรหัส HTML หรือคำอธิบายสำหรับหน้าเว็บไซต์หน้านั้นๆ โดยส่วนนี้จะไม่ได้อยู่ในบทความ แต่จะไปแสดงบน Google Search
ตัวอย่าง
#ทำการตลาดออนไลน์ #เว็บไซต์สำเร็จรูป #การขายของออนไลน์
6. กำหนด URL เว็บไซต์ (Custom URL)
ส่วนที่บ่งบอกถึงชื่อของเว็บไซต์ ควรมีความยาวระหว่าง 50 – 55 ตัวอักษร ซึ่ง Alt Text ถือเป็นตัวช่วยให้คนเสิร์ชเจอเว็บไซต์ของคุณ เมื่อค้นหารูปภาพนั่นเอง
ตัวอย่าง
www.Ketshopweb/How To SEO/.com
แนะนำให้ขึ้นต้นด้วยชื่อเว็บไซต์ เช่น www.Keshopweb. ต่อด้วยชื่อเนื้อหา(ควรตั้งเป็นภาษาอังกฤษ) เช่น How To SEO เป็นต้น เนื่องจากว่าหากตั้งเป็นภาษาไทย ระบบจะแปลเป็นภาษาต่างดาว เช่น SEO.,dvojoskdlvsk
Ketshopweb | ระบบร้านค้าออนไลน์ ขายคล่อง ส่งสะดวก ครบในที่เดียว
เรายินดีให้คำปรึกษาการทำเว็บไซต์ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย
ติดต่อมาที่ 02-038-5588 , email : sales@ketshopweb.com