การทำธุรกิจในโลกออนไลน์ให้ประสบความสำเร็จ มียอดขายปัง ไม่ใช่เรื่องง่าย ด้วยยุคปัจจุบันที่ใครๆ ก็สามารถเป็นเจ้าของธุรกิจได้ ย่อมทำให้มีการแข่งขันกันสูงมากขึ้น ดังนั้นในแต่ละธุรกิจต่างต้องมีกลยุทธ์และการทำการตลาดที่แต่งต่างกันออกไป แต่มีอยู่สิ่งหนึ่งที่เหล่าเจ้าของธุรกิจใช้กลยุทธ์นี้ทำเหมือนๆ กัน คือ การยิงแอด (Ads)
เพราะการยิงแอดถือเป็นการทำโฆษณาบนช่องทางออนไลน์เพื่อโปรโมทสินค้าและบริการไปยังกลุ่มเป้าหมายที่เราต้องการได้โดยตรง อีกทั้งการยิงแอดยังช่วยเพิ่มโอกาสให้กลุ่มเป้าหมายกลายมาเป็นลูกค้าของเรา และเพิ่มยอดขายให้กับธุรกิจได้มากขึ้น
จริงๆ แล้วการยิงแอดสามารถทำได้หลากหลายช่องทางทั้ง Google, Facebook, Twitter, Youtube, Instagram และ Tiktok เป็นต้น แต่บทความนี้เราจะพาไปรู้จักการยิงแอดบน Google หรือ Google Ads แพลตฟอร์มที่เหล่านักธุรกิจต่างให้การยอมรับว่าเพิ่มยอดขายให้ธุรกิจมีรายได้สูงขึ้น วัดประสิทธิภาพได้ดี เห็นผลเร็ว จะเป็นอย่างไร เลื่อนอ่านต่อได้เลย
Google Ads คืออะไร?
Google Ads คือ การทำโฆษณาผ่านเครือข่าย Google โดยรูปแบบโฆษณาที่มักนิยมมากที่สุดคือ Google Search จะเป็นการเลือกซื้อ Keyword ที่เกี่ยวข้องกับสินค้าเพื่อให้ผู้ค้นหาและพบเจอร้านค้าเราก่อนเป็นอันดับแรกๆ เพิ่มโอกาสในการขายให้มากขึ้น อีกทั้งจากผลการสำรวจ (Thailand Digital Stat 2021) พบว่าแพลตฟอร์มที่คนไทยเข้ามากที่สุดในปี 2021 อันดับ 1 คือ Google ซึ่งมีการใช้งานมากถึง 556 ล้านครั้ง แสดงให้เห็นว่า Google เป็นตลาดออนไลน์ที่มีขนาดใหญ่มาก ทำให้เจ้าของธุรกิจมีโอกาสที่ขายสินค้าหรือบริการผ่านการทำ Google Ads ได้เพิ่มมากขึ้น
ยกตัวอย่าง
นางสาวหญิง ทำโรงงานน้ำปลาร้า ดังนั้น Keyword ที่เกี่ยวข้องกับการขายน้ำปลาร้า คือ น้ำปลาร้า, น้ำปลาร้าปรุงสุก, โรงงานน้ำทำน้ำปลาร้า, น้ำปลาร้ารสนัว, และขายส่ง ขายปลีกน้ำปลาร้า เป็นต้น
เมื่อลูกค้าที่ต้องการสั่งซื้อสินค้าที่เกี่ยวข้องกับน้ำปลาร้า แล้วพิมพ์ Keyword ค้นหาคำว่า "น้ำปลาร้าปรุงสุก" Google จะนำเว็บไซต์ของร้านค้าเราไปแสดงผลการค้นหาเป็นอันดับแรก (ในกรณีที่เว็บไซต์ของเรามีอันดับผลการค้นหาและยอดคลิกที่สูงกว่าเว็บไซต์อื่น) สิ่งที่ถือเป็นตัวช่วยให้ Keyword และเว็บไซต์ของเราติดอันดับแรกๆ ของผลการค้นหาก็คือ การยิงแอดผ่าน Google Search นั่นเอง อีกทั้งยังเป็นโฆษณาชิ้นสำคัญมากที่คนทั่วไปนิยมใช้งานกันมากที่สุดอีกด้วย
Google Ads มีดีอย่างไร
1. เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ดีที่สุด
เนื่องจาก Google สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้รวดเร็ว และตรงจุดมากที่สุด จึงสามารถนำพาสินค้าหรือบริการของธุรกิจร้านค้าไปสู่กลุ่มเป้าหมายที่ต้องการได้อย่างรวดเร็ว
2. สามารถวิเคราะห์ข้อมูลได้ละเอียดและตรงจุด
Google สามารถนำข้อมูลของธุรกิจร้านค้า เช่น ข้อมูลเกี่ยวกับการค้นหา, ข้อมูลเกี่ยวกับ Keyword และข้อมูลการใช้งานต่างๆ ไปวิเคราะห์และแสดงผลออกมาในเชิงสถิติ เพื่อให้เจ้าของธุรกิจหรือนักการตลาดนำข้อมูลเหล่านี้ไปใช้วิเคราะห์เพื่อวางแผนการตลาด ทำโฆษณา เพิ่มของขายให้ธุรกิจได้
3. ดึงดูดกลุ่มเป้าหมายอื่นๆ ให้สนใจธุรกิจคุณได้
เนื่องจาก Google มีแพลตฟอร์มพันธมิตรที่ทำงานร่วมกันอยู่ เช่น Youtube ส่งผลให้โฆษณาของธุรกิจคุณเข้าไปอยู่ในแพลตฟอร์มอื่นๆ ได้ง่ายขึ้น สามารถสร้างการรับรู้ได้มากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังสามารถดึงดูดกลุ่มเป้าหมายใหม่ๆ ได้มากอีกด้วย
4. ติดตามผลได้สม่ำเสมอ
Google สามารถติดตามผลได้อยู่เสมอ เช่น อัตราการเข้าชมเว็บไซต์, Keyword ที่ถูกค้นหามากที่สุด หรือข้อมูลฟีเจอร์ที่ผู้คนใช้งานมากที่สุด เป็นต้น ซึ่งเจ้าของธุรกิจหรือนักการตลาดสามารถติดตามและตรวจสอบข้อมูลเหล่านี้ได้ตลอดเวลา
Google Ads วัดผลได้อย่างไร
1. Conversion Rate หรือ CVR
สัดส่วนของผู้ที่ตอบสนองต่อโฆษณาหรือยอดผู้ซื้อไม่ว่าจะเป็นการซื้อสินค้าบนเว็บไซต์ บนเว็บไซต์ กดติดตามข่าวสาร ลงทะเบียน หรือ คลิกหน้าบนโฆษณา
เช่น มีคนคลิกโฆษณาสินค้าของเรา 1,000 คนโดยกดสั่งซื้อสินค้าจริง 100 ออเดอร์
CVR = (100×100/1000) = 10% เป็นต้น
2. Click-Through Rate หรือ CTR
อัตราการคลิกโฆษณาหรือ เว็บไซต์ต่อจำนวนการเห็นโฆษณา ซึ่งค่า CTR ยิ่งสูงยิ่งแปลว่าโฆษณามีความน่าสนใจอยากคลิกเข้ามาดูรายละเอียด เช่น เมื่อทำเนื้อหาแชร์ลงเว็บไซต์ ผลลัพธ์ที่แสดงออกมาไปปรากฏในหน้า Google Search จำนวน 100 ครั้ง มีการคลิกเข้ามาในเนื้อหาจำนวน 10 ครั้ง แปลว่าค่า CTR = (10/100) X 100 = 10%
เคล็ดไม่ลับการยิงแอด ทำอย่างไรให้ปัง
1. ศึกษากลุ่มเป้าหมายให้ตรงจุด
ก่อนเริ่มยิงแอดต้องศึกษาข้อมูล กลุ่มเป้าหมาย หรือลูกค้า ว่าต้องการอะไร มีความสนใจอะไรบ้าง เพื่อที่เราจะสามารถทำข้อมูลการยิงแอดให้ตรงกลุ่มเป้าหมายและดึงดูดลูกค้าได้มากที่สุด
2. เลือกใช้ Keyword ในการโฆษณาที่ชัดเจนโดนใจกลุ่มเป้าหมาย
ยิ่งเรามี Keywords ที่ตรงกับการค้นหามากเท่าไร่ ตัวแอดของเราก็จะยิ่งมีประสิทธิภาพมากหรือถูกพบเจอมากเท่านั้น ดังนั้นเจ้าของธุรกิจหรือร้านค้าต้องเลือกใช้คำที่ น่าสนใจ เข้าใจง่าย สื่อความหมายได้ชัดเจน สั้นกระชับ เช่น ร้านขายของออนไลน์ เว็บไซต์สำเร็จรูป เป็นต้น
3. ไม่ควรแก้ไขแอดหรือการทำโฆษณาบ่อยจนเกินไป
ประสิทธิภาพหรือผลของโฆษณา สามารถวัดผลได้จำเป็นต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่ง อย่างน้อย 7 -14 วัน เนื่องจากลูกค้าหรือกลุ่มเป้าหมายมีพฤติกรรมการใช้ Social Media ที่แตกต่างกัน การพบเห็นโฆษณาอาจใช้ระยะเวลาไม่เท่ากัน ดังนั้นจึงไม่ควรปรับเปลี่ยนหรือแก้ไขแอดโฆษณาบ่อยๆ เพราะจะทำให้ลูกค้าไม่เห็นแอดเสียโอกาสที่ลูกค้าจะพบเห็นและแอดไม่ประสบความสำเร็จ
4. ไม่ควรกำหนดกลุ่มเป้าหมายที่กว้างจนเกินไป
การยิงแอดให้ผู้ที่มีความสนใจกว้างๆ ไม่ได้แปลว่าจะแอดจะถูกกลุ่มเป้าหมายได้มาก และประสิทธิภาพดีแบบที่หลาย ๆ คนคิด จำเป็นต้องกำหนดความสนใจให้ชัดเจนและตรงกลุ่มมากที่สุด ไม่อย่างนั้นแล้วอาจจะเสียเงินไปฟรีๆ แล้วไม่ได้อะไร
แหล่งอ้างอิง : https://fillgoods.co/online-biz/no-shop-how-to-push-ad/
https://idmcouncil.com/digital-marketing-google-ads-search-engine/