รู้หรือไม่! นับตั้งแต่มีการพัฒนาเทคโนโลยีอย่างก้าวกระโดดของบริษัทยักษ์ใหญ่ทางด้านเทคโนโลยี เช่น Apple, SAMSUNG , Alphabet และ Microsoft เป็นต้น ทำให้เหล่าธุรกิจขนาดเล็ก (SME) ต่างตื่นตัวและไม่รอช้าที่พัฒนาธุรกิจให้สามารถใช้งานได้ทัดเทียมกับบริษัทขนาดใหญ่
ซึ่งหนึ่งสิ่งที่ถือเป็นตัวช่วยสำคัญที่จะทำบริษัทน้อยใหญ่เหล่านี้สามารถพัฒนาเทคโนโลยีได้อย่างก้าวกระโดดได้ในเวลาอันรวดเร็ว นั่นก็คือ Data หรือข้อมูลนั่นเอง โดยข้อมูลที่ว่ามานี้หมายถึงข้อมูลการใช้งานของลูกค้า, ข้อมูลยอดขายบริษัท หรือแม้กระทั่งข้อมูลของคู่แข่งก็ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้กัน
ทำไมต้องใช้ Data Driven Marketing ?
1. เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำการตลาดให้แก่องค์กร ได้แก่ Conversion Rate, Engagement Rate, ROI, ROAS, การลด CPA เป็นต้น
2. เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการวิเคราะห์ข้อมูลผู้บริโภค (Customer Profile / User Persona) และพฤติกรรมของผู้บริโภค (User Behavior / User Journey) ได้ดียิ่งขึ้น
จริงๆ แล้ว Data Driven Marketing คืออะไรกันแน่?
Data-Driven Marketing หรือ การตลาดที่ขับเคลื่อนด้วยการใช้ข้อมูล โดยจะใช้ข้อมูลจากหลากหลายแหล่ง เพื่อนำมาวิเคราะห์พฤติกรรม การมีส่วนร่วม ความชอบ แรงจูงใจของลูกค้าในเชิงลึกมากยิ่งขึ้น รวมถึงการวิเคราะหฺ์พฤติกรรมในอนาคตอีกด้วย
ขั้นตอนการทำ Data Driven Marketing
1. เก็บรวบรวมข้อมูลที่จำเป็นต่อธุรกิจ ( Data/Fact)
2. วิเคราะห์ข้อมูล เพื่อนำมาเรียบเรียง และจัดหมวดหมู่ (Information)
3. ศึกษาข้อมูลและทำความเข้าใจชุดข้อมูล (Knowledge)
4. สังเคราะห์ความรู้เพื่อทำความเข้าใจปัญหาได้อย่างลึกซึ้ง (Insights / Wisdom )
5. นำ Insights & Wisdom ที่ได้ มาแปลงให้เป็น (Strategy )
ยกตัวอย่าง Case Studies
MaDonald's
ร้านอาหารฟาสต์ ฟู้ดสุดฮิตที่ครองใจคนทั่วโลก หิวเมื่อไร่ต้องมองหา MaDonald's อีกทั้งยอดขายเองก็แทบไม่มีตก ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น?
เป็นเพราะ MaDonald's ได้นำกลยุทธ์การใช้ข้อมูลแบบ Real-Time ทั้งสภาพอากาศ (Weather), สภาพการจราจร (Traffic) และช่วงเวลา (Time of a Day) มาใช้วิเคราะห์การตลาดเพื่อแนะนำเนมูที่โดนใจตอบโจทย์กับลูกค้ามากที่สุด เช่น ในช่วงเวลาเร่งรีบตอนเช้าก่อนไปทำงาน ควรจะแนะนำเมนูที่ทำเร็วๆ ทานง่ายๆ หรือในสภาพอากาศร้อนๆ การแนะนำ Ice-Cream เย็นๆ ชื่นใจ หรือช่วงวันหยุดยาวก็แนะนำเมนูหนักเพื่อจัดหนักให้ครอบครัวได้ทานอาหารกันแบบเต็มอิ่ม เป็นต้น
Netflix
Movie Streaming ที่ครองใจใครหลายๆ คน ผู้ใหญ่ดูได้เด็กดูดี มีหนังให้เลือกหลากหลาย นอนดูสบายๆ ทุกที่ทุกเวลา ซึ่งตอนนี้ยอด Streaming ของบริษัทพุ่งสูงปรี๊ดในปีผ่านมาอย่างไม่น่าเชื่อ โดยมีสมาชิกทั้งหมด 209 ล้านคนทั่วโลก ในไตรมาสที่ 2 เติบโตจากปีก่อน 19% ซึ่งมีรายได้สุทธิอยู่ 7.34 พันล้านดอลลาร์ ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น?
เพราะว่า Netflix ได้นำกลยุทธ์การใช้ข้อมูลเชิงจิตวิทยา (Data & Psychology) ข้อมูลพฤติกรรม รวมถึงความชื่นชอบการดูหนังของแต่ละบุคคล มาใช้วิเคราะห์การตลาด เพื่อกระตุ้นให้เกิดความอยาก เช่น โปรโมทหนังเรื่องใหม่อย่าง Emily in Paris มีใช้รูปแบบ Artwork โปรโมทหลากหลายตัว โดยจับเอาพฤติกรรมและรสนิยมการดูหนังของแต่ละคนมาใช้ บางคนเป็นสายแฟชั่นจ๋าดูแต่หนังแฟชั่นคุณก็จะเห็นแต่ Artwork โปรโมทที่เป็นแบบแฟชั่น หากใครที่ชอบดูหนังดราม่าคุณก็จะเห็นแต่ Artwork โปรโมทที่เป็นภาพเครียดๆ น้ำตาแตก เป็นต้น
ในยุคที่เศรษฐกิจมีความผันผวนอยู่ตลอดเวลา การมองหากลยุทธ์วิธีการเพื่อขับเคลื่อนธุรกิจให้สามารถเจริญเติบโต และก้าวหน้าการใช้ข้อมูล (Data) อาจจะไม่เพียงพอ จำเป็นจะต้องนำข้อมูลเหล่านี้มาปรับใช้ เข้ากับกลยุทธ์ต่างๆ ด้วย Data Driven Strategy จึงถือเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ที่ตอบโจทย์มากที่สุดอย่างหนึ่งเลยก็ว่าได้
แหล่งที่มา : https://th.heroleads.asia/blog/data-driven-marketing/
https://whatsnewonnetflix.com/austria/1912844/emily-in-paris-2020