ธุรกิจยุคโควิด 19 ปรับตัวอย่างไร ให้มีทางรอด

สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด 19 ได้พัฒนาและทวีความรุนแรงขึ้นส่งผลกระทบต่อธุรกิจและเศรษฐกิจของไทยเป็นวงกว้าง ส่งผลให้ผู้บริหารและผู้ประกอบการต้องปรับตัวและตัดสินใจในเรื่องสำคัญๆในระยะเวลาอันสั้น นอกจากนี้อาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจในระยะยาวในอนาคตได้ คุณเตรียมรับมือกับความเปลี่ยนแปลงนี้หรือยัง?

"ช่องทางการขายออนไลน์ " จึงถือเป็นหนึ่งในโอกาสที่จะสามารถพลิกสถานการณ์ โควิด 19 ที่ส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจให้กลับมาอยู่รอดได้ เพราะหลายคนก็คงจะได้รู้แล้วว่า ตลาดในโลกออนไลน์ทำให้เราเชื่อมต่อกับลูกค้าได้อย่างง่ายที่สุดแล้ว

พฤติกรรมผู้บริโภคที่ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

“PwC ประเทศไทย” นำเสนอผลการสำรวจมุมมองผู้บริโภคทั่วโลก (Global Consumer Insights Survey) ประจำปี 2021 ซึ่งรวบรวมจากการศึกษาพฤติกรรมของผู้บริโภคทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทย จำนวน 8,700 ราย ในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 พบว่า ผู้บริโภคชาวไทยกว่า 57% มีแนวโน้มจะลดค่าใช้จ่ายการรับประทานอาหารนอกบ้าน ในช่วง 6 เดือนข้างหน้า และเกือบ 1 ใน 2 ของผู้บริโภค คิดเป็น 47%  แสดงให้เห็นว่าประชาชนทั่วไปเตรียมรัดเข็มขัด เพื่อลดค่าใช้จ่าย กำจัดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นออกไป 

ก่อนหน้าที่มีการแพร่ระบาดของโควิด 19 ภาคธุรกิจและประชาชนทั่วไปมีแนวโน้มปรับตัวมาใช้แพลตฟอร์มออนไลน์อย่างต่อเนื่องอยู่แล้ว ซึ่งโควิด-19 ถือเป็นตัวช่วยเร่งกระแสการปรับตัวจากการใช้งานออฟไลน์เข้าสู่ดิจิทัลมากขึ้นอีก ส่งผลให้ยอดการซื้อและการขายของออนไลน์เพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว เนื่องจากการเข้าถึงสินค้าและบริการผ่านช่องทางแบบเดิมอาจมีข้อจำกัด ที่มาก แพลตฟอร์มออนไลน์จึงเข้ามาแทนที่ได้หลายๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นการซื้อสินค้าผ่านแพลตฟอร์ม E-Commerce หรือ Chat Commerce ทดแทนการไปออกไปซื้อสินค้าตามร้านค้าหรือห้างสรรพสินค้า การใช้บริการ Food Delivery แทนการทานอาหารที่ร้าน หรือการดูหนังผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ แทนการไปโรงภาพยนตร์

 สิ่งที่เจ้าของธุรกิจควรคำนึง

อย่างที่เรารู้ๆ กันว่านับตั้งแต่พฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไปส่งผลให้ธุรกิจต่างๆ ต้องปรับตัวตามไปด้วย แต่การปรับตัวของธุรกิจแต่ละประเภทนั้นย่อมแตกต่างกันโดยสิ้น การใช้วิธีการตลาดแบบเดิมที่เน้นการแต่การขายเพียงอย่างเดียว ไม่มีการเก็บฐานข้อมูลลูกค้า จึงอาจจะเป็นเรื่องยากที่จะทำให้ธุรกิจของคุณอยู่รอดในระยะยาวได้ ดังนั้นจึงจำเป็นที่จะต้องเข้าใจและคำนึงถึงข้อดีข้อเสียของการขายก่อน 

• การเก็บฐานข้อมูลลูกค้าเป็นเรื่องที่สำคัญ

ธุรกิจออนไลน์ส่วนใหญ่มักละเลยการทำ CRM  (Customer Relationship Management) ไม่เก็บฐานข้อมูลลูกค้าเน้นการขายเพื่อทำยอดขายเพียงอย่างเดียว ซึ่งข้อมูลเหล่านี้สามารถเก็บและนำไปวิเคราะห์พฤติกรรม ความต้องการของลูกค้า และปรับกลยุทธ์ที่ตอบโจทย์ลูกค้าได้มากยิ่งขึ้น 

• อย่าพึ่งพาแพลตฟอร์มเดียว   (One Price Policy)  

ในหลายธุรกิจพึ่งพาแพลตฟอร์มในการขายสินค้าเพียงแพลตฟอร์มเดียว เช่น ขายเฉพาะ  Facebook หรือมีหน้าร้านในเว็บไซต์เพียงอย่างเดียว ถือเป็นสิ่งการลดโอกาสการเพิ่มกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ ในช่องทางหรือแพลตฟอร์มอื่นๆ จำเป็นต้องมีแพลตฟอร์มที่หลากหลาย ทั้งการมีหน้าร้านและเว็บไซต์เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้แก่ธุรกิจ การมีเพจ Facebook เพื่อเก็บ Traffic และเก็บฐานข้อมูลลูกค้า เพิ่มช่องทางการขายใน Marketplace  (Shopee, Lazada และ JD Central) จะช่วยสร้างการแข่งขันกับดีลเลอร์  การสร้าง Defend Market Share  สร้างมาตรฐานเชิงราคาและสร้างตัวเทียบเคียงแต่ละร้านค้า

• มีความยืดหยุ่น อย่ายึดติดกับวิธีการเดิม

การทำโฆษณาแบบเดิมๆ อาจจะไม่ได้ตอบโจทย์ขนาดนั้นแล้วเพราะตอนนี้ธุรกิจออนไลน์ผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด คู่แข่งเยอะขึ้น การแข่งขันก็ยิ่งสูงขึ้น จึงต้องเปลี่ยนกลยุทธ์หรือวิธีบ้าง เช่น การยิงแอดโฆษณาแบบเดิมๆ ที่เคยได้ลูกค้าอาจทำไม่ได้ ต้องเปลี่ยนเป็นการทดสอบยิ่งโฆษณาหลายๆ ตัวเพื่อหาตัวที่ดีที่สุดและตรงกลุ่มเป้าหมายมากที่สุด นอกจากนี้อาจจะต้องใช้การยิงโฆษณาในหลายๆ แพลตฟอร์ม ไม่ว่าจะเป็น Instagram, IG Story, Google, TikTok หรือ LINE เองก็ด้วย ที่สำคัญในยุคนี้อาจจะต้องใช้ Influencer ใช้คนดังในการสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จัก จะสามารถสร้างการรับรู้ของแบรนด์ได้มากขึ้นอย่างแน่นอน

กลยุทธ์การตลาดแบบดิจิทัลในยุคใหม่  

การปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ที่ดีของธุรกิจคือ การปรับให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมายที่เปลี่ยนไป มีอะไรบ้าง Ketshopweb มีเคล็ดลับมาบอก

• สื่อสารกับลูกค้าอย่างสม่ำเสมอ

อีกหนึ่งกลยุทธ์ที่ดี เพราะนอกจากจะช่วยด้านสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า ยังมีความสำคัญในการบริการที่ดีได้ด้วย การสื่อสารอาจเป็นการทำคอนเทนต์ถามตอบเพื่อให้ลูกค้าเกิดปฏิสัมพันธ์กับทางเพจหรือกับตัวแบรนด์ นอกจากนี้การตอบคำถามผ่าน Chat message กับลูกค้าโดยตรง ความเร็ว การให้ข้อมูลกับลูกค้าเป็นสิ่งสำคัญ 

• "Omni Channel Marketing"  หนึ่งในกลยุทธ์ที่ไม่ควรมองข้าม

ถือเป็นการนำกลยุทธ์ทางการตลาดแบบออฟไลน์ (Offline) เชื่อมโยงผ่านการตลาดแบบออนไลน์ (Online) หากพูดให้เข้าใจง่ายๆ คือการที่เรามีหน้าร้านค้าและเชื่อมต่อมายังร้านค้าออนไลน์นั่นเอง เป็นการเชื่อมโยงบทบาทของทั้งสองแบบเข้าไว้ด้วยกัน เช่น คุณมีร้านเสื้อผ้า ต้องการสร้างโปรโมชั่นโดยให้ผู้ซื้อสแกน QR Code หรือนำรหัสสินค้านั้นไปแสดงที่หน้าร้านค้าเพื่อรับส่วนลดได้ ซึ่งถือเป็นกลยุทธ์ที่ต่างประเทศทำกัน สามารถเพิ่มยอดขายได้ดีเลยไม่น้อย สามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติม>>> ได้ที่นี่

• คอนเทนต์ (Content ) ดีมีชัยไปกว่าครึ่ง

การสร้างคอนเทนต์ที่น่าสนใจ ดึงดูดใจลูกค้าหรือผู้ที่เข้ามาอ่านนั้น ถือเป็นการเพิ่มโอกาสในการขายมากขึ้น ช่วยพัฒนา Engagement ให้เพิ่มขึ้น รวมถึงการทำคอนเทนต์เป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อการจัดอันดับของการค้นหาบน Search Engine อีกด้วย

• ปรับแต่งร้านค้าให้ดูน่าสนใจ

 การปรับแต่งหน้าร้านค้าเปรียบเสมือนการปรับภาพลักษณ์ขององค์กร ทั้งรูปแบบการใช้งานในแพลตฟอร์มขายสินค้าออนไลน์ต่างๆ เช่น Ketshopwebนอกจากนี้ยังรวมไปถึงการปรับเปลี่ยนคอนเทนต์ให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด การวางแผนให้เกิดการแชร์และกระจายข้อมูล, การติดตั้งเครื่องมือต่างๆ ที่ทำให้ผู้ใช้ร่วมส่วนร่วมมากขึ้น เช่น ปุ่ม (Likes), ปุ่มแชร์ (Share), ปุ่มส่งต่อ (Retweet) เป็นต้น 

เป็นอย่างไรกันบ้างกับไอเดียหรือเคล็ดลับที่ทาง Ketshopweb นำมามอบให้วันนี้ คงจะเป็นประโยชน์ต่อร้านค้าและธุรกิจของคุณคงไม่น้อยเลยเดียว  เมื่อคุณมีกลยุทธ์และเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพ เตรียมความพร้อมต่อความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นแล้ว ธุรกิจของคุณก็จะสามารถอยู่รอดและเติบโตในสถานการณ์โควิดได้ในระยะยาวอย่างแน่นอน  

Ketshopweb | เครื่องมือร้านค้าออนไลน์ ขายคล่อง ส่งสะดวก ครบในที่เดียว

https://ketshopweb.com

เรายินดีให้คำปรึกษาการทำเว็บไซต์ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย

ติดต่อมาที่ 02-038-5588 , email : sales@ketshopweb.com